ภูฝอยลม เป็นยอดภูเขาสูงที่มีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าพันดอน – ปะโค อำเภอหนองแสง
จังหวัดอุดรธานี สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 600 เมตร
มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี และมีความชุ่มชื้นสูงมาก
และด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในอดีต ทำให้เกิด Lichen (รา
+สาหร่าย) ชนิดหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Frutiose เรียกว่า ฝอยลม (Usnea abissinica Mot.)มีลักษณะเป็นเส้นฝอยสีเขียวปนเทา
เกาะอาศัยอยู่ตามกิ่งของต้นไม้เจริญงอกงามกระจายอยู่เต็มภูเขา
จนได้รับการขนานนามว่า ภูฝอยลม ต่อมาได้มีราษฎรเข้ามาจับจองบุกรุกพื้นที่เพื่อจัดตั้งหมู่บ้านหลายหมู่บ้าน
จึงทำให้สภาพป่าเริ่มเสื่อมโทรม ทำให้จำนวนฝอยลมลดน้อยลง จนแทบจะสูญพันธุ์
และในระหว่างปี 2528
– 2532 ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ในขณะนั้น (นายสายสิทธิ์
พรแก้ว และ นายจรวย ยิ่งสวัสดิ์) ได้เคลื่อนย้ายราษฎรเหล่านั้นออกจากพื้นที่ป่าโดยจัดให้อยู่ในพื้นที่ใหม่
ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ
ปี 2533 สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี
โดย นายมานิตย์ เอี่ยมสรรพางค์ ป่าไม้เขตอุดรธานี และ นายสนั่น ศิริวัฒนกาญจน์
ผู้ช่วยป่าไม้เขตอุดรธานี ในขณะนั้น ได้ริเริ่มโครงการเยาวชนพิทักษ์ไพร ทำการฝึกอบรมเยาวชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
โดยใช้ชื่อย่อว่า ย.พ.พ. เพื่อปลูกฝังทัศนคติ
ให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาสนใจและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
และต่อมา ปี 2535 กรมป่าไม้
ได้อนุมัติให้จัดตั้ง สวนรวมพรรณไม้ป่า
60 พรรษา
มหาราชินี เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ
พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา
และเพื่อเป็นแหล่งรวบรวมพรรณไม้ป่าของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ตลอดจนเป็นสถานที่สำหรับศึกษาธรรมชาติและพักผ่อนหย่อนใจของจังหวัดอุดรธานี ปี 2541
กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้จัดทำโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าพันดอน-ปะโค
ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นโดยพัฒนาหน่วยงานที่เหมาะสม
ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ปี 2545 สำนักงานป่าไม้เขตอุดรธานี
โดย นายสมชาติ ธรรมพิทักษ์ ป่าไม้เขตอุดรธานี เสนอของบประมาณตามนโยบายเร่งด่วนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยว
โดยการสนับสนุนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดอุดรธานี เขต 4 (นายธีระยุทธ วานิชชัง) จึงได้รับอนุมัติงบประมาณก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
และปรับปรุงภูมิทัศน์ในพื้นที่ให้บริการ และได้เปลี่ยนชื่อโครงการใหม่ เป็น โครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศภูฝอยลม ใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า Phu
Foilom Ecotourism Project เพื่อความสะดวกในการจดจำ
และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป และในปีเดียวกันนี้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี
(นายชัยพร รัตนนาคะ) ได้มีนโยบายที่จะพัฒนาพื้นที่ภูฝอยลมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของภูมิภาค
จึงได้จัดหางบประมาณสร้างแหล่งน้ำเพิ่มเติม สร้างถนนลาดยาง
และจัดทำโครงการอุทยานล้านปีภูฝอยลม โดยมีการสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์
รูปปั้นไดโนเสาร์ชนิดต่าง ๆ จระเข้และเต่าโบราณ
จัดทำหุ่นจำลองแสดงวิวัฒนาการจากลิงจนกลายเป็นมนุษย์ จัดทำนาฬิกาแดด
โดยมีเส้นทางเดินเท้าและการปรับปรุงภูมิทัศน์ในบริเวณโดยรอบ
โปรดช่วยกันรักษาภูฝอยลมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นห้องเรียนทางธรรมชาติ
และที่ศึกษาหาความรู้ของพวกเราตลอดไป เ
ปรียบเสมือนหนึ่งว่า ภูฝอยลม
คือ ป่าของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น